ไม่เก่ง...แต่มีความพยายาม ❤ ไดอารี่ของอังริน
เมื่อเรามีโจทย์ที่อยากจะลองทำ และเป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำหรือไม่เคยคิดจะทำมาก่อนเกิดขึ้น แถมยังมีระยะเวลาเป็นตัวกำหนดด้วย ใจนึงเราก็คิดว่าน่าลอง ขอลองดูสักหน่อย เป็นความท้าทาย แต่ลึกๆ ในใจก็ยังลังเลไม่แน่ใจว่าเราจะทำสำเร็จมั๊ยนะ
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รินก็ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้อยู่เหมือนกันค่ะ สิ่งนั้นก็คือ การลองกระโดดเชือก 5,000 แคลอรี่ภายใน 1 เดือน
ย้อนกลับไปราวๆ ปลายเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมารินเพิ่งเริ่มหัดกระโดดเชือกครั้งแรกในวัย 40 ต้นๆ การกระโดดเชือกวันแรกของรินนั้นได้เพียง 20 ครั้ง ก็เหนื่อยมากเหมือนจะขาดใจ ต้องนั่งพักอยู่นานกว่าจะกระโดดต่อไปได้ กระโดดเป็นเซ็ตเซ็ตละ 20 ครั้งได้ 6 เซ็ต รวมจำนวน 120 ครั้ง ก็หมดแรงแล้ว
รินฝึกกระโดดเชือกอยู่คนเดียว แบบไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่นัก แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนตามลำดับจนอยู่ที่ราวๆ 300-350 ครั้ง ช่วงปลายๆ เดือนพฤษภาคม "เปาว์" เพื่อนที่เคยซ้อมวิ่งมาราธอนด้วยกัน และเป็นแรงบันดาลใจให้รินสนใจมากระโดดเชือก ก็ชวนรินเข้าไปในกลุ่ม "กระโดดเชือกกัน"
เมื่อเข้ามาในกลุ่มกระโดดเชือกกัน การกระโดดเชือกของรินก็เปลี่ยนไป รินเห็นเพื่อนๆ กระโดดกันเป็นหลักพัน เท่าที่รินเห็น 2,000 ครั้งเป็นอย่างน้อยสุด ในตอนนั้นรินคิดในใจ "บ้าไปแล้ว...กระโดดอะไรกันเป็นพันๆ ครั้ง" และคิดว่ารินคงไม่เหมาะกับกลุ่มนี้ซะแล้ว
แต่แล้ววันหนึ่งแอดมินก็ชวนให้สมาชิกใหม่ถ่ายคลิปกระโดดเชือกส่งการบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดี อย่ากลัวที่จะกระโดด อย่าอายที่จะส่งคลิปการบ้าน และแนะนำตารางสำหรับมือใหม่หัดโดดให้ รินอายที่จะส่งการบ้านแต่ก็อยากกระโดดได้เก่งขึ้น จึงเริ่มส่งการบ้านไปทั้งที่อายๆ นั่นแหละ และร่วมกิจกรรมชาเล้นจ์ที่ทางกลุ่มจัดไว้ เพื่อบังคับตัวเองให้ได้ฝึกอย่างสม่ำเสมอ
จนถึงเดือนกรกฎาคม เป็นชาเล้นจ์กระโดดเชือก 10,000 และ 5,000 แคลอรี่ภายใน 30 วัน ตอนนั้นรินกระโดดได้อยู่ที่ราวๆ 600-650 ครั้ง เคยกระโดดได้สูงสุด 1,000 ครั้งแค่ครั้งเดียวและแลกกับการต้องพักขาไปสองวัน ไม่เคยรู้ว่าได้กี่แคลอรี่
รินจึงเลือกชาเล้นจ์ 5,000 แคลอรี่ซึ่งคำนวนแล้วต้องกระโดดให้ได้วันละ 200 แคลอรี่เป็นเวลา 25 วัน เพื่อจะได้มีวันพักและได้ครบ 5,000 แคลอรี่ภายใน 30 วัน เริ่มวันแรกรินกระโดดไปได้แค่ 91 แคลอรี่เท่านั้น ก็หมดแรงจริงๆ แบบไม่สามารถกระโดดต่อได้ รวมๆ เวลาประมาณ 30 นาที
ห้าวันแรกรินกระโดดได้สูงสุด 115 แคลอรี่เหนื่อยจนรู้สึกท้อใจและในที่สุดก็ถอดใจ แต่แอดมินและเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็ให้กำลังใจให้ไปต่อโดยชวนว่าไม่ถึง 5,000 ก็ไม่เป็นไร ให้ลองดูว่าจะได้มากที่สุดแค่ไหน เพราะสิ่งที่รินจะได้รับเมื่อจบชาเล้นจ์สำคัญกว่าตัวเลขแคลอรี่แน่นอน
ใช่แล้ว...รินให้ความสำคัญกับตัวเลขแคลอรี่มากเกินไปจริงๆ จนมองไม่เห็นว่า ห้าวันที่ผ่านมารินกระโดดได้วันละ 1,000-1,200 ครั้ง โดยที่ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร รินแข็งแรงขึ้นต่างจากครั้งแรกมากนัก พอทบทวนตัวเอง ลองวางแผนใหม่ คิดว่าจบชาเล้นจ์เราทำได้ครึ่งนึงก็ยังดี รินจึงร่วมชาเล้นจ์ต่อไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 2,500 แคลอรี่
ในทุกๆ วันรินได้รับกำลังใจ คำแนะนำต่างๆ ข้อคิดดีๆ จากเพื่อนๆ ในกลุ่ม ทำให้ช่วงเวลาหลังจากนั้นรินกระโดดเชือกได้สนุกขึ้น รินเริ่มเรียนรู้จากเพื่อนๆ เรียนรู้ร่างกายตัวเอง และหันมาให้ความสำคัญกับระยะเวลาที่กระโดด จากที่กระโดดได้ 30 นาที เพิ่มเป็น 45 นาที และบางวันกระโดดได้ถึง 1 ชั่วโมง
เหลืออีกเก้าวันจะจบชาเล้นจ์แต่รินทำได้เกือบครบเป้าหมาย 2,500 แคลอรี่แล้ว และเริ่มคิดว่าจบที่ 3,500 แคลอรี่เราน่าจะทำได้ ช่วงนั้นรินกระโดดได้ 2,500-3,500 ครั้ง จนรู้สึกว่าร่างกายเราอยู่ตัวแล้ว แต่แล้วก็ได้รับสัญญาณเตือนจากร่างกายในอาทิตย์สุดท้ายก่อนจบชาเล้นจ์ รินเจ็บข้อเท้าต้องพักไปสองวันเต็มๆ จึงจบชาเล้นจ์ในวันสุดท้ายที่ 3,300 แคลอรี่ แต่รินก็ไม่เสียใจ เพราะสิ่งที่ได้รับมันมากกว่าตัวเลขแคลอรี่จริงๆ
ในระหว่างชาเล้นจ์รินได้ใช้ความอดทน ความพยายาม ฝึกฝนท่าเบสิกและสเต็ปต่างๆ ได้ใช้ความใจเย็น เรียนรู้ร่างกายตัวเอง ได้ความแข็งแรง กระโดดเชือกได้นานขึ้น ด้วยท่าทางที่คล่องตัวมากขึ้น ในหนึ่งเดือนนี้รินกระโดดเชือกได้สูงสุด 3,600 ครั้ง รินกลายเป็นคนที่รินเคยคิดว่า "บ้าไปแล้ว...กระโดดอะไรกันเป็นพันๆ ครั้ง" ไปโดยไม่รู้ตัว รินมีสุขภาพกายใจดีขึ้น รูปร่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่สำคัญได้มิตรภาพดีๆ เกิดขึ้นมากมาย
จบชาเล้นจ์รินนึกถึงคำพูดของ "พี่โหน่ง" พี่ชายในกลุ่มกระโดดเชือกกัน ที่บอกกับรินในวันที่ถอดใจว่า...
"ชาเล้นจ์นี้ มันทำให้เราพยายามกระโดดต่อเนื่องได้นานขึ้นเพื่อให้ได้แคล แล้วการกระโดดนานๆ มันทำให้เราคล่องและได้สเต็ปมาโดยไม่รู้ตัว..."
รินไม่ใช่คนเก่ง จึงต้องอาศัยความพยายามมากหน่อย และรินรู้ตัวว่าบางอย่างเราทำคนเดียวไม่ไหว ก็ต้องอาศัยพลังกลุ่มแบบนี้แหละ พาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มที่ให้พลังดีดี ให้ข้อคิดดีดี ให้ทัศนคติที่ดี เป็นพลังงานดีดี ให้เราพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ดีต่อไป
"ไม่เก่ง...แต่มีความพยายาม"
เชื่อเถอะว่า...ความพยายามไม่เคยทำร้ายเรา ชาเล้นจ์นี้ทำให้รินได้ทุกอย่างตามคำพี่โหน่งพูดไว้ไม่ผิด
เป็นกำลังใจให้ในทุกความพยายามของเพื่อนๆ ในทุกๆ ครั้งและต่อๆ ไปนะ ต้องสำเร็จแน่นอน✌️
#angrindiary
#กระโดดเชือกกัน
ย้อนกลับไปราวๆ ปลายเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมารินเพิ่งเริ่มหัดกระโดดเชือกครั้งแรกในวัย 40 ต้นๆ การกระโดดเชือกวันแรกของรินนั้นได้เพียง 20 ครั้ง ก็เหนื่อยมากเหมือนจะขาดใจ ต้องนั่งพักอยู่นานกว่าจะกระโดดต่อไปได้ กระโดดเป็นเซ็ตเซ็ตละ 20 ครั้งได้ 6 เซ็ต รวมจำนวน 120 ครั้ง ก็หมดแรงแล้ว
รินฝึกกระโดดเชือกอยู่คนเดียว แบบไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่นัก แต่ก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนตามลำดับจนอยู่ที่ราวๆ 300-350 ครั้ง ช่วงปลายๆ เดือนพฤษภาคม "เปาว์" เพื่อนที่เคยซ้อมวิ่งมาราธอนด้วยกัน และเป็นแรงบันดาลใจให้รินสนใจมากระโดดเชือก ก็ชวนรินเข้าไปในกลุ่ม "กระโดดเชือกกัน"
เมื่อเข้ามาในกลุ่มกระโดดเชือกกัน การกระโดดเชือกของรินก็เปลี่ยนไป รินเห็นเพื่อนๆ กระโดดกันเป็นหลักพัน เท่าที่รินเห็น 2,000 ครั้งเป็นอย่างน้อยสุด ในตอนนั้นรินคิดในใจ "บ้าไปแล้ว...กระโดดอะไรกันเป็นพันๆ ครั้ง" และคิดว่ารินคงไม่เหมาะกับกลุ่มนี้ซะแล้ว
แต่แล้ววันหนึ่งแอดมินก็ชวนให้สมาชิกใหม่ถ่ายคลิปกระโดดเชือกส่งการบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดี อย่ากลัวที่จะกระโดด อย่าอายที่จะส่งคลิปการบ้าน และแนะนำตารางสำหรับมือใหม่หัดโดดให้ รินอายที่จะส่งการบ้านแต่ก็อยากกระโดดได้เก่งขึ้น จึงเริ่มส่งการบ้านไปทั้งที่อายๆ นั่นแหละ และร่วมกิจกรรมชาเล้นจ์ที่ทางกลุ่มจัดไว้ เพื่อบังคับตัวเองให้ได้ฝึกอย่างสม่ำเสมอ
จนถึงเดือนกรกฎาคม เป็นชาเล้นจ์กระโดดเชือก 10,000 และ 5,000 แคลอรี่ภายใน 30 วัน ตอนนั้นรินกระโดดได้อยู่ที่ราวๆ 600-650 ครั้ง เคยกระโดดได้สูงสุด 1,000 ครั้งแค่ครั้งเดียวและแลกกับการต้องพักขาไปสองวัน ไม่เคยรู้ว่าได้กี่แคลอรี่
รินจึงเลือกชาเล้นจ์ 5,000 แคลอรี่ซึ่งคำนวนแล้วต้องกระโดดให้ได้วันละ 200 แคลอรี่เป็นเวลา 25 วัน เพื่อจะได้มีวันพักและได้ครบ 5,000 แคลอรี่ภายใน 30 วัน เริ่มวันแรกรินกระโดดไปได้แค่ 91 แคลอรี่เท่านั้น ก็หมดแรงจริงๆ แบบไม่สามารถกระโดดต่อได้ รวมๆ เวลาประมาณ 30 นาที
ห้าวันแรกรินกระโดดได้สูงสุด 115 แคลอรี่เหนื่อยจนรู้สึกท้อใจและในที่สุดก็ถอดใจ แต่แอดมินและเพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็ให้กำลังใจให้ไปต่อโดยชวนว่าไม่ถึง 5,000 ก็ไม่เป็นไร ให้ลองดูว่าจะได้มากที่สุดแค่ไหน เพราะสิ่งที่รินจะได้รับเมื่อจบชาเล้นจ์สำคัญกว่าตัวเลขแคลอรี่แน่นอน
ใช่แล้ว...รินให้ความสำคัญกับตัวเลขแคลอรี่มากเกินไปจริงๆ จนมองไม่เห็นว่า ห้าวันที่ผ่านมารินกระโดดได้วันละ 1,000-1,200 ครั้ง โดยที่ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร รินแข็งแรงขึ้นต่างจากครั้งแรกมากนัก พอทบทวนตัวเอง ลองวางแผนใหม่ คิดว่าจบชาเล้นจ์เราทำได้ครึ่งนึงก็ยังดี รินจึงร่วมชาเล้นจ์ต่อไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 2,500 แคลอรี่
ในทุกๆ วันรินได้รับกำลังใจ คำแนะนำต่างๆ ข้อคิดดีๆ จากเพื่อนๆ ในกลุ่ม ทำให้ช่วงเวลาหลังจากนั้นรินกระโดดเชือกได้สนุกขึ้น รินเริ่มเรียนรู้จากเพื่อนๆ เรียนรู้ร่างกายตัวเอง และหันมาให้ความสำคัญกับระยะเวลาที่กระโดด จากที่กระโดดได้ 30 นาที เพิ่มเป็น 45 นาที และบางวันกระโดดได้ถึง 1 ชั่วโมง
เหลืออีกเก้าวันจะจบชาเล้นจ์แต่รินทำได้เกือบครบเป้าหมาย 2,500 แคลอรี่แล้ว และเริ่มคิดว่าจบที่ 3,500 แคลอรี่เราน่าจะทำได้ ช่วงนั้นรินกระโดดได้ 2,500-3,500 ครั้ง จนรู้สึกว่าร่างกายเราอยู่ตัวแล้ว แต่แล้วก็ได้รับสัญญาณเตือนจากร่างกายในอาทิตย์สุดท้ายก่อนจบชาเล้นจ์ รินเจ็บข้อเท้าต้องพักไปสองวันเต็มๆ จึงจบชาเล้นจ์ในวันสุดท้ายที่ 3,300 แคลอรี่ แต่รินก็ไม่เสียใจ เพราะสิ่งที่ได้รับมันมากกว่าตัวเลขแคลอรี่จริงๆ
ในระหว่างชาเล้นจ์รินได้ใช้ความอดทน ความพยายาม ฝึกฝนท่าเบสิกและสเต็ปต่างๆ ได้ใช้ความใจเย็น เรียนรู้ร่างกายตัวเอง ได้ความแข็งแรง กระโดดเชือกได้นานขึ้น ด้วยท่าทางที่คล่องตัวมากขึ้น ในหนึ่งเดือนนี้รินกระโดดเชือกได้สูงสุด 3,600 ครั้ง รินกลายเป็นคนที่รินเคยคิดว่า "บ้าไปแล้ว...กระโดดอะไรกันเป็นพันๆ ครั้ง" ไปโดยไม่รู้ตัว รินมีสุขภาพกายใจดีขึ้น รูปร่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ที่สำคัญได้มิตรภาพดีๆ เกิดขึ้นมากมาย
จบชาเล้นจ์รินนึกถึงคำพูดของ "พี่โหน่ง" พี่ชายในกลุ่มกระโดดเชือกกัน ที่บอกกับรินในวันที่ถอดใจว่า...
"ชาเล้นจ์นี้ มันทำให้เราพยายามกระโดดต่อเนื่องได้นานขึ้นเพื่อให้ได้แคล แล้วการกระโดดนานๆ มันทำให้เราคล่องและได้สเต็ปมาโดยไม่รู้ตัว..."
รินไม่ใช่คนเก่ง จึงต้องอาศัยความพยายามมากหน่อย และรินรู้ตัวว่าบางอย่างเราทำคนเดียวไม่ไหว ก็ต้องอาศัยพลังกลุ่มแบบนี้แหละ พาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มที่ให้พลังดีดี ให้ข้อคิดดีดี ให้ทัศนคติที่ดี เป็นพลังงานดีดี ให้เราพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ดีต่อไป
"ไม่เก่ง...แต่มีความพยายาม"
เชื่อเถอะว่า...ความพยายามไม่เคยทำร้ายเรา ชาเล้นจ์นี้ทำให้รินได้ทุกอย่างตามคำพี่โหน่งพูดไว้ไม่ผิด
เป็นกำลังใจให้ในทุกความพยายามของเพื่อนๆ ในทุกๆ ครั้งและต่อๆ ไปนะ ต้องสำเร็จแน่นอน✌️
#angrindiary
#กระโดดเชือกกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น